
สิวอุดตันหัวปิด (Close comedone) สิวอุดตันชนิดนี้จะมีหัวสีขาว โดยจะมีสีเดียวกับผิวหนัง แต่เป็นตุ่มนูนที่ไม่สามารถบีบออกหรือกดออกได้ เนื่องจากไม่มีหัวสิวนั่นเอง เกิดจากการอุดตันในท่อเปิดของต่อมไขมันและรูขุมขน ส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นสิวอักเสบได้
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีความเชื่อที่ว่า สิวอุดตันนั้นเกิดจากความสกปรกหรือการรักษาความสะอาดที่ไม่เพียงพอ แต่จริงๆ แล้วสิวอุดตันนั้นเกิดจากการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันทำงานมากเกินไปต่างหาก โดยมีฮอร์โมนแอนโดรเจนเป็นตัวควบคุมการทำงานของต่อมไขมันนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงใกล้หมดประจำเดือน การล้างหน้าไม่สะอาด ปัญหาการแพ้เครื่องสำอาง หรือแม้แต่การใช้ยาสเตียรอยด์บางประเภท เป็นต้น
1. ดูแลตนเอง
ดูแลตนเองอย่างพิถีพิถัน เริ่มจากการรักษาความสะอาดบนใบหน้าให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบนใบหน้า จากนั้นควรเลือกใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง หลีกเลี่ยงการขัดเช็ดถูใบหน้าแรงๆ รับประทานผักผลไม้สดที่มีวิตามินและ...
2. หลีกเลี่ยงแสงแดด
หลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากแสงแดดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ใบหน้ามีสิวอุดตันอยู่แล้ว และกำลังใช้ยาทารักษาสิวอยู่นั้น จะทำให้ผิวหน้าไวต่อแสงแดดมากขึ้น เมื่อใช้ครีมกันแดดแล้วล้างหน้าเอาครีมกันแดดออกไม่หมด จึงส่งผลให้เกิดการอุดตันซ้ำซากจนรักษาสิวอุดตันไม่หาย
(ควรทาครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวเรา)
3. ควบคุมความมันของผิวหน้า
ควบคุมความมันของผิวหน้า พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะช่วยทำให้ใบหน้ามีความมันมากขึ้น เช่น งดรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เปลี่ยนจากครีมบำรุงผิวเนื้อหนักเป็นเจลบำรุงผิวที่มีเนื้อบางเบา เช่น aloevera jel มาดามกิ๊กกี้ เป็นต้น
4. ใช้ครีมละลายหัวสิวอุดตัน
ใช้ครีมละลายสิวอุดตัน จะช่วยลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง โดยใช้ทาบนใบหน้าวันละ 2 ครั้ง คือเวลาเช้าและก่อนนอน ทิ้งไว้ครั้งละ 10 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ซึ่งครีมชนิดนี้จะช่วยลดปริมาณไขมันของผิวหนังและละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน ดังนั้นจึงช่วยลดการอุดตันจากท่อเปิดของต่อมไขมันนั่นเอง แต่ผู้ที่เริ่มใช้ยาชนิดนี้จะต้องเริ่มจากยาที่มีความเข้มข้นต่ำเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มระยะเวลาในการทาให้นานขึ้น แล้วจึงค่อยเพิ่มความเข้มข้นของตัวยา
5. ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA หรือ BHA
ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA หรือ BHA ถึงแม้ว่ายาทั้งสองชนิดนี้จะให้ผลที่ได้ไม่รวดเร็วเท่ายากลุ่มเรตินอยด์ แต่ก็ให้ผลข้างเคียงที่น้อยกว่าอีกด้วย โดย AHA หรือ Glycolic acid จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก ส่วน BHA หรือ Salicylic acid จะช่วยละลายไขมันที่อุดตันในรูขุมขนได้ในระดับปานกลาง
สามารถใช้เป็น Bio c serum , Bio oil และ Aloe Vera ได้
6. ยารับประทานกลุ่มเรตินอยด์
ยารับประทานกลุ่มเรตินอยด์ เป็นยาที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนัง จึงทำให้ใบหน้ามีความมันลดน้อยลง หน้าแห้ง และลดคอมีโดนที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว แต่เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียงต่อตับอย่างรุนแรง จึงอาจทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวหรือปวดข้อตามร่างกาย ดังนั้นยาชนิดนี้จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น
7. กดสิวอุดตัน
กดสิวอุดตัน วิธีนี้ควรกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและมีอุปกรณ์การกดสิวที่มีคุณภาพเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือแผลเป็นและหลุมสิวที่จะรักษายากในภายหลัง
ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วจิ้มไปที่หัวสิว เพื่อทำให้หัวสิวเปิด จากนั้นจึงจะใช้อุปกรณ์กดสิวกดลงไปตรงกลางของตำแหน่งที่สิวเม็ดนั้น ก็จะทำให้สิวอุดตันหลุดออกมาโดยง่าย
(ไม่แนะนำให้กดเอง จะยิ่งอักเสบและทิ้งรอย และอาจทำให้เกิดหลุม)
อยากกดสิวแบบไม่ทำร้ายผิว ปรึกษา #ลูกศิษย์พี่กุ้งกดสิว ได้นะคะ
มีปัญหาสิว ทักมาปรึกษาก่อนได้นะคะ